หน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการปกป้องลูกค้าและพนักงานของตน โดยเฉพาะผู้ให้บริการที่จำเป็นต่าง ๆ ในช่วงการปิดเมือง (ล็อคดาวน์) ควรสื่อสารกับพนักงานเพื่อประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อของพวกเขา เพื่อปกป้องพนักงานคนนั้น ๆ และทุกคนในองค์กร หน่วยงานควรประเมินว่าจะจัดสถานที่ทำงานอย่างไร และพนักงานคนใดควรรับหน้าที่พบปะติดต่อกับภายนอกหากจำเป็น มาตรการนี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานที่จำเป็นต้องให้บริการ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา ร้านขายของชำ และสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บ้านพักผู้สูงอายุ หอพัก สถานดูแลผู้ป่วย สถานพักฟื้น หอผู้ป่วยจิตเวช และเรือนจำ รวมถึงหน่วยงานใด ๆ ก็ตามที่ต้องการปกป้องพนักงานของตน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ทำงานอยู่บ้านหรือต้องหยุดงานจนกว่าจะกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
ต่อไปนี้คือแนวทางทั่วไปสำหรับหน่วยงานต่างๆ:
• ทำงานจากบ้าน (work from home) ให้มากที่สุด เพื่อแยกตนเองออกจากผู้อื่นและส่งเสริมการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย”
• ดำเนินกิจกรรมที่จำเป็นต่อไปตามปกติ และลดผลกระทบต่อกิจการโดยรวม โดยการสร้าง “พื้นที่ทำงานที่ปลอดภัย”
การขยายแนวทางเพื่อความปลอดภัยให้ครอบคลุมพนักงานทุก ๆ คน จะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อหน่วยงานโดยรวม การสำรวจว่าสภาพแวดล้อมนอกที่ทำงานของพวกเขาปลอดภัยหรือไม่ ส่งผลต่อความปลอดภัยภายในสถานที่ทำงานอย่างยิ่ง อีกทั้งยังส่งผลต่อการทำงานของพวกเขาทั้งในระหว่างและหลังระยะวิกฤตินี้อีกด้วย ความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมนั้นรวมถึงประวัติการสัมผัสที่มีโอกาสนำไปสู่การติดเชื้อในช่วง 14 วันล่าสุดด้วย
• กระตุ้นให้แต่ละบุคคลสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ของตัวเอง และแยกตนออกจากที่มีความเสี่ยง
• กระตุ้นให้แต่ละบุคคลทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงส่วนตัว
• ในกรณีที่มีอาจจะสัมผัสเชื้อ ให้แยกตัวเองออกไปเป็นเวลา 14 วัน จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่ติดเชื้อ หรือแสดงอาการของโรค
• ในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง ควรจัดที่พักต่างหากให้พนักงานที่ยังแข็งแรงดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากหรือนำเชื้อไปติดเพื่อนร่วมห้องหรือสมาชิกในครอบครัวในระยะเวลา 14 วัน
- โดยเฉพาะพนักงานในหน่วยงานที่มีความเสี่ยงสูง
- โดยเฉพาะพนักงานที่อาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมห้องหรือสมาชิกในครอบครัวเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (เช่น เพราะพวกเขาเคยทำงาน หรือทำงานอยู่ในสถานที่ทำงานที่ไม่ปลอดภัย)
- โดยเฉพาะพนักงานที่อาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมห้องหรือสมาชิกในครอบครัวที่สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่จะทำให้อาการแทรกซ้อนรุนแรงขึ้น
- โดยเฉพาะพนักงานผู้ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงพยาบาลและสถานพยาบาลอื่น ๆ และพนักงานบริการในสถานที่ที่มีโอกาสสัมผัสกันสูง เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำ ร้านยา
ต่อไปนี้คือตัวอย่างคำถามที่ช่วยคัดกรองระดับความเสี่ยงของพนักงานได้:
1) คุณอาศัยอยู่ที่ไหน
a) บ้านส่วนตัว ทาวน์เฮาส์ อพาร์ตเมนต์
b) คุณต้องใช้ทางเข้าออกร่วมกับใครหรือไม่
i) ประตู / ล็อบบี้ส่วนกลาง
ii) ลิฟต์
2) ในบ้านของคุณมีผู้พักอาศัยกี่คน
a) พวกเขาทำงานอะไร
i) ทำงานนอกบ้าน
ii) ไปโรงเรียนหรือร่วมกิจกรรมกลุ่มอื่น
iii) อยู่บ้าน
b) คุณหรือผู้ที่คุณพักอาศัยอยู่ด้วยมีประวัติเดินทางหรือไม่
i) ที่ไหน
ii) ด้วยยานพาหนะใด
c) คุณหรือผู้ที่คุณพักอาศัยอยู่ด้วยเคยเข้ารับการรักษาตัวหรือไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่
3) ตอนนี้คุณพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงด้วยวิธีใด ถ้าพบหน้ากัน บ่อยแค่ไหน
a) คุณรักษาระยะห่างทางสังคมแล้วหรือยัง
b) คุณเป็นแขกของใครหรือรับแขกมาพักที่บ้านหรือไม่
4) คุณรู้อะไรเกี่ยวกับมาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคม และคุณปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง
a) อยู่ห่างทุกคนเกิน 2 เมตร (6 ฟุต)
b) ล้างมือ
c) ไม่สัมผัสพื้นผิวต่าง ๆ และทำความสะอาดให้ดี
5) คุณซื้อหาอาหารจากที่ไหน
6) คุณมีสัตว์เลี้ยงที่พาออกไปเดินเล่นไหม
7) คุณหรือสมาชิกในครอบครัวมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออาการของโรคโควิด-19 อันเนื่องมาจากอายุหรือโรคประจำตัวหรือไม่
หน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการปกป้องลูกค้าและพนักงานของตน โดยเฉพาะผู้ให้บริการที่จำเป็นต่าง ๆ ในช่วงการปิดเมือง (ล็อคดาวน์) ควรสื่อสารกับพนักงานเพื่อประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อของพวกเขา เพื่อปกป้องพนักงานคนนั้น ๆ และทุกคนในองค์กร หน่วยงานควรประเมินว่าจะจัดสถานที่ทำงานอย่างไร และพนักงานคนใดควรรับหน้าที่พบปะติดต่อกับภายนอกหากจำเป็น มาตรการนี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานที่จำเป็นต้องให้บริการ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา ร้านขายของชำ และสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บ้านพักผู้สูงอายุ หอพัก สถานดูแลผู้ป่วย สถานพักฟื้น หอผู้ป่วยจิตเวช และเรือนจำ รวมถึงหน่วยงานใด ๆ ก็ตามที่ต้องการปกป้องพนักงานของตน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ทำงานอยู่บ้านหรือต้องหยุดงานจนกว่าจะกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
ต่อไปนี้คือแนวทางทั่วไปสำหรับหน่วยงานต่างๆ:
• ทำงานจากบ้าน (work from home) ให้มากที่สุด เพื่อแยกตนเองออกจากผู้อื่นและส่งเสริมการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย”
• ดำเนินกิจกรรมที่จำเป็นต่อไปตามปกติ และลดผลกระทบต่อกิจการโดยรวม โดยการสร้าง “พื้นที่ทำงานที่ปลอดภัย”
การขยายแนวทางเพื่อความปลอดภัยให้ครอบคลุมพนักงานทุก ๆ คน จะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อหน่วยงานโดยรวม การสำรวจว่าสภาพแวดล้อมนอกที่ทำงานของพวกเขาปลอดภัยหรือไม่ ส่งผลต่อความปลอดภัยภายในสถานที่ทำงานอย่างยิ่ง อีกทั้งยังส่งผลต่อการทำงานของพวกเขาทั้งในระหว่างและหลังระยะวิกฤตินี้อีกด้วย ความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมนั้นรวมถึงประวัติการสัมผัสที่มีโอกาสนำไปสู่การติดเชื้อในช่วง 14 วันล่าสุดด้วย
• กระตุ้นให้แต่ละบุคคลสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ของตัวเอง และแยกตนออกจากที่มีความเสี่ยง
• กระตุ้นให้แต่ละบุคคลทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงส่วนตัว
• ในกรณีที่มีอาจจะสัมผัสเชื้อ ให้แยกตัวเองออกไปเป็นเวลา 14 วัน จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่ติดเชื้อ หรือแสดงอาการของโรค
• ในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง ควรจัดที่พักต่างหากให้พนักงานที่ยังแข็งแรงดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากหรือนำเชื้อไปติดเพื่อนร่วมห้องหรือสมาชิกในครอบครัวในระยะเวลา 14 วัน
- โดยเฉพาะพนักงานในหน่วยงานที่มีความเสี่ยงสูง
- โดยเฉพาะพนักงานที่อาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมห้องหรือสมาชิกในครอบครัวเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (เช่น เพราะพวกเขาเคยทำงาน หรือทำงานอยู่ในสถานที่ทำงานที่ไม่ปลอดภัย)
- โดยเฉพาะพนักงานที่อาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมห้องหรือสมาชิกในครอบครัวที่สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่จะทำให้อาการแทรกซ้อนรุนแรงขึ้น
- โดยเฉพาะพนักงานผู้ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงพยาบาลและสถานพยาบาลอื่น ๆ และพนักงานบริการในสถานที่ที่มีโอกาสสัมผัสกันสูง เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำ ร้านยา
ต่อไปนี้คือตัวอย่างคำถามที่ช่วยคัดกรองระดับความเสี่ยงของพนักงานได้:
1) คุณอาศัยอยู่ที่ไหน
a) บ้านส่วนตัว ทาวน์เฮาส์ อพาร์ตเมนต์
b) คุณต้องใช้ทางเข้าออกร่วมกับใครหรือไม่
i) ประตู / ล็อบบี้ส่วนกลาง
ii) ลิฟต์
2) ในบ้านของคุณมีผู้พักอาศัยกี่คน
a) พวกเขาทำงานอะไร
i) ทำงานนอกบ้าน
ii) ไปโรงเรียนหรือร่วมกิจกรรมกลุ่มอื่น
iii) อยู่บ้าน
b) คุณหรือผู้ที่คุณพักอาศัยอยู่ด้วยมีประวัติเดินทางหรือไม่
i) ที่ไหน
ii) ด้วยยานพาหนะใด
c) คุณหรือผู้ที่คุณพักอาศัยอยู่ด้วยเคยเข้ารับการรักษาตัวหรือไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่
3) ตอนนี้คุณพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงด้วยวิธีใด ถ้าพบหน้ากัน บ่อยแค่ไหน
a) คุณรักษาระยะห่างทางสังคมแล้วหรือยัง
b) คุณเป็นแขกของใครหรือรับแขกมาพักที่บ้านหรือไม่
4) คุณรู้อะไรเกี่ยวกับมาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคม และคุณปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง
a) อยู่ห่างทุกคนเกิน 2 เมตร (6 ฟุต)
b) ล้างมือ
c) ไม่สัมผัสพื้นผิวต่าง ๆ และทำความสะอาดให้ดี
5) คุณซื้อหาอาหารจากที่ไหน
6) คุณมีสัตว์เลี้ยงที่พาออกไปเดินเล่นไหม
7) คุณหรือสมาชิกในครอบครัวมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออาการของโรคโควิด-19 อันเนื่องมาจากอายุหรือโรคประจำตัวหรือไม่